คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าตัวเองอยู่ในเกณฑ์อวบหรืออ้วน? บางครั้งการมองด้วยสายตาอาจไม่เพียงพอที่จะบอกได้อย่างแน่ชัดเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ การวัดเส้นรอบเอวเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณเช็คสุขภาพได้อย่างแม่นยำ วัดง่าย ทำได้เอง และสามารถใช้ประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของคุณได้ทันที ถ้าอยากรู้ว่าสุขภาพของคุณอยู่ในเกณฑ์ไหน มาเริ่มกันเลย!
เส้นรอบเอว หมายถึงส่วนไหน?
เส้นรอบเอว คือ การวัดความยาวรอบเอวบริเวณสะดือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้อง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการประเมินสุขภาพของเรา หากเส้นรอบเอวเกินเกณฑ์ที่กำหนด อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน รวมถึงโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น โรคหัวใจและเบาหวานชนิดที่ 2
วิธีการวัดเส้นรอบเอวที่ถูกต้อง
- อยู่ในท่ายืนตรง เท้าทั้งสองข้างห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร และหายใจออกเบา ๆ ไม่ควรกลั้นหายใจ เพื่อให้ค่าที่วัดได้ใกล้เคียงกับสภาพจริงของร่างกาย
- ใช้สายวัดด้านเซนติเมตร วัดรอบเอวโดยให้วัดผ่านสะดือ สายวัดควรอยู่ราบและแนบกับผิว แต่ไม่รัดแน่นเกินไป และควรอยู่ในแนวขนานกับพื้น
- ค่าที่ได้จากการวัดควรอ่านออกมาในหน่วยเซนติเมตรเพื่อความแม่นยำ และควรบันทึกไว้เพื่อติดตามผลในอนาคต
ค่ารอบเอวที่บอกสุขภาพของคุณ
- สำหรับผู้หญิง: ถ้ารอบเอวมากกว่า 80 ซม. อาจเสี่ยงน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน
- สำหรับผู้ชาย: ถ้ารอบเอวมากกว่า 90 ซม. ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจเข้าสู่ภาวะอ้วนได้
ทำไมการวัดรอบเอวถึงสำคัญ?
การวัดรอบเอวเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีเกี่ยวกับปริมาณไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะไขมันพอกตับ การมีรอบเอวเกินเกณฑ์ที่กำหนดหมายความว่าคุณควรเริ่มดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น ทั้งออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
นอกจากการวัดเส้นรอบเอว ควรวัด BMI ควบคู่ไปด้วย
นอกจากการวัดเส้นรอบเอว เพื่อให้การประเมินสุขภาพมีความแม่นยำ ควรทำควบคู่ไปกับการวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นการวัดความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับส่วนสูง ค่าดัชนีมวลกายช่วยให้เรารู้ว่าเราอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักปกติ น้ำหนักเกิน หรือเข้าสู่ภาวะอ้วน คำนวณ BMI ได้ง่าย ๆ โดยใช้สูตร:
BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง^2 (เมตร)
- ค่าปกติ: 18.5 – 24.9
- น้ำหนักเกิน: 25 – 29.9
- อ้วน: 30 ขึ้นไป
การวัด BMI ร่วมกับการวัดเส้นรอบเอวช่วยให้เราประเมินสุขภาพได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น และทำให้เรามองเห็นภาพรวมของสุขภาพตัวเองได้ดีขึ้น เพื่อปรับปรุงพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายให้เหมาะสม
ผลกระทบต่อสุขภาพหากเข้าสู่ภาวะอ้วน
การเข้าสู่ภาวะอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม เช่น
- โรคหัวใจ และหลอดเลือด: ไขมันสะสมในช่องท้องเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2: ภาวะอ้วนทำให้ร่างกายมีความต้านทานต่ออินซูลิน ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ภาวะไขมันพอกตับ: การมีไขมันสะสมในตับอาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบและตับแข็ง
- ปัญหาการหายใจ: ภาวะอ้วนทำให้เกิดการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบการหายใจและคุณภาพการนอนหลับ
- ปวดข้อและกระดูก: น้ำหนักเกินทำให้ข้อต่อและกระดูกต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดข้อและมีความเสี่ยงต่อภาวะข้อเสื่อม
ข้อแนะนำเพิ่มเติมหากมีรอบเอวที่เกินมาตรฐาน
- ปรึกษาแพทย์: เพื่อเข้ารับการประเมินอย่างละเอียด
- เพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน: นอกจากการออกกำลังกาย ลองเพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือเดินไปทำงานหากระยะทางไม่ไกล
- ติดตามและปรับปรุงพฤติกรรมการกิน: หากรอบเอวเกินมาตรฐาน ควรเริ่มติดตามพฤติกรรมการกินอย่างละเอียด เช่น ลดการบริโภคน้ำตาล อาหารที่มีไขมันสูง และเพิ่มการทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น การทานอาหารที่สมดุลจะช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
อย่ารอให้อ้วนเกินไป จนโรคร้ายรุมเร้า รู้เส้นรอบเอว รู้ BMI หากเข้าข่ายต้องระวัง จะได้รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยิ่งปรับเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะการมีน้ำหนักที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่สำคัญต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคุณ
อย่าปล่อยให้โรคอ้วนบั่นทอนความมั่นใจและการใช้ชีวิต เราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเรา สามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านภาวะโรคอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณมีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
คลินิกลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา