โดย นพ.ปริวัตร เพ็งแก้ว
แพทย์ประจำศูนย์หัวใจวิชัยเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
ปกติหัวใจของเราจะเต้นเป็นจังหวะเหมือนกลองที่มีคนคุมจังหวะให้ แต่ถ้าจังหวะนั้นผิดเพี้ยนไป หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้ากว่าปกติ หรือเต้นสะดุด นั่นอาจเป็นสัญญาณของ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
บางครั้งหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจไม่ได้อันตรายมาก เช่น ใจสั่นเพราะดื่มกาแฟเยอะไป หรือเครียด แต่บางชนิดอาจเป็นอาการเตือนของปัญหาร้ายแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์
หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไหนต้องระวัง?
ภาวะนี้มีหลายแบบ เรามาดูกันว่าแบบไหนอันตรายและแบบไหนอาจไม่ต้องกังวลมาก
1. หัวใจเต้นเร็วเกินไป (Tachycardia) เหมือนเครื่องยนต์เร่งรอบเกิน
- หัวใจห้องบนเต้นเร็วมากผิดจังหวะแบบมีทางลัดให้หัวใจ (Supraventricular tachycardia : SVT/WPW) -หัวใจเต้นเร็วทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ใจสั่น หน้ามืด หมดสติได้
- หัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation – AF) หัวใจเต้นเร็วจนสะเปะสะปะ เหมือนกลองที่ถูกตีมั่ว ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและอาจเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เจอบ่อยในผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว
ต้องระวังแค่ไหน? ปานกลางถึงสูง ถ้าปล่อยไว้อาจเสี่ยงเกิดเส้นเลือดสมองตีบ
- หัวใจห้องบนเต้นเร็วเป็นจังหวะผิดปกติ (Atrial Flutter – AFL) อาการคล้าย AF แต่เต้นเป็นจังหวะมากกว่า เหมือนพัดลมที่หมุนเร็วสุดแรง เลือดอาจไหลเวียนได้ไม่ดีและทำให้เกิดลิ่มเลือด
ต้องระวังแค่ไหน? ปานกลาง อาจพัฒนาไปเป็น AF ได้
- หัวใจห้องล่างเต้นเร็ว (Ventricular Tachycardia – VT) หัวใจห้องล่างทำงานผิดปกติ ทำให้เต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที เหมือนเหยียบคันเร่งค้างไว้จนเครื่องยนต์ร้อนเกินไป ถ้ารุนแรงอาจทำให้เวียนหัว หน้ามืด หรือหมดสติ
ต้องระวังแค่ไหน? สูงมาก ถ้าปล่อยไว้อาจกลายเป็นภาวะหัวใจหยุดเต้นได้
- หัวใจห้องล่างเต้นระริก (Ventricular Fibrillation – VF) หัวใจเต้นเร็วและสั่นสะเทือนแบบไร้การควบคุม คล้ายเครื่องสูบน้ำที่ทำงานแต่ส่งน้ำออกมาไม่ได้เลย เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองและอวัยวะสำคัญ
ต้องระวังแค่ไหน? สูงสุด เพราะอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที มีโอกาสเสียชีวิต
2. หัวใจเต้นช้าเกินไป (Bradycardia) – เหมือนแบตเตอรี่ใกล้หมด
- ภาวะหัวใจเต้นช้าจากปมประสาทไซนัส (Sinus Bradycardia / Sick sinus syndrome) หัวใจเต้นต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาที บางคนเป็นโดยธรรมชาติ เช่น นักกีฬาที่ร่างกายฟิตมาก แต่ถ้ารู้สึกเวียนหัว เหนื่อยง่าย หรือเป็นลมบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี
ต้องระวังแค่ไหน? ต่ำถึงปานกลาง ถ้ามีอาการร่วมต้องรีบตรวจ
- ภาวะหัวใจบล็อก (Heart Block) เกิดจากสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจถูกขัดขวาง เหมือนไฟแดงที่ค้างนานจนการจราจรติดขัด หัวใจส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่ดี อาจทำให้หน้ามืด หมดสติ หรือหัวใจล้มเหลว
ต้องระวังแค่ไหน? ปานกลางถึงสูง ถ้ารุนแรงอาจต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
3. หัวใจเต้นผิดจังหวะที่อาจเป็นอันตรายในภาวะฉุกเฉิน
- หัวใจเต้นผิดจังหวะจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ถ้าหลอดเลือดหัวใจอุดตัน หัวใจจะขาดออกซิเจน ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง เช่น VF หรือ VT ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้น
ต้องระวังแค่ไหน? สูงสุด ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที
- ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest – SCA) ภาวะนี้เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว หัวใจหยุดเต้นกะทันหันจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่รุนแรง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ ผู้ป่วยอาจหมดสติและเสียชีวิตภายในไม่กี่นาที
ต้องระวังแค่ไหน? สูงสุด ต้องทำ CPR และใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจทันที
หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไหนอันตรายที่สุด?
- อันตรายมาก ต้องรีบช่วยเหลือทันที: Ventricular Fibrillation (VF), Ventricular Tachycardia (VT) รุนแรง, ภาวะหัวใจหยุดเต้น
- อันตรายปานกลางถึงสูง ต้องรีบตรวจ: Atrial Fibrillation (AF),Supraventricular tachycardia ,Atrial flutter,WPW, Heart Block รุนแรง, หัวใจเต้นผิดปกติจากโรคหัวใจขาดเลือด
- อันตรายน้อย แต่ควรสังเกต: Sinus Bradycardia, Atrial Flutter (AFL)
อาการแบบไหน ที่ควรรีบไปพบแพทย์?
ถ้ารู้สึกว่า ใจสั่นผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วหรือช้ามากโดยไม่มีสาเหตุ หน้ามืดบ่อย ๆ หรือเป็นลม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG/ECG) และวินิจฉัยให้แน่ใจ
บางครั้งภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจดูไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้อาจพัฒนาไปเป็นภาวะที่อันตรายขึ้นได้ ดังนั้น อย่าปล่อยให้ความผิดปกติเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ ดูแลหัวใจให้แข็งแรงตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า
ติดต่อศูนย์หัวใจวิชัยเวช 24 ชั่วโมง
เราพร้อมให้การดูแล รักษา ป้องกันครอบคลุมโรคหัวใจทั่วไป
และโรคหัวใจในภาวะวิกฤติฉุกเฉิน
02-441-6999 ต่อ 5555
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา