สัญญาณเตือน! ลูกน้อยอาจมีภาวะ “ต่อมอะดีนอยด์โต” | เช็กอาการ เสี่ยงแค่ไหน? พร้อมวิธีสังเกต & แก้ไข

ลูกนอนกรน ทุกคืน…เป็นอะไรรึเปล่า?” “ทำไมลูกหายใจทางปากบ่อยจัง?” คำถามเหล่านี้ อาจผุดขึ้นในใจคุณพ่อคุณแม่หลายท่าน ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่เป็นไปได้ คือ ภาวะ “ต่อมอะดีนอยด์โต” ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 3-5 ปี เพื่อคลายความกังวลใจ และดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกวิธี บทความนี้ จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จัก “ต่อมอะดีนอยด์” อย่างลึกซึ้ง พร้อมเช็คสัญญาณเตือน ประเมินความเสี่ยง และวิธีรับมือกับภาวะ “ต่อมอะดีนอยด์โต” อย่างตรงจุด

ทำความรู้จัก “ต่อมอะดีนอยด์”

ลองนึกภาพโพรงจมูกของเราเป็นห้องโถง มีประตูทางเข้าคือรูจมูก และมีทางออกไปยังคอหอย ภายในห้องโถงนี้ มีต่อมอะดีนอยด์ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อน้ำเหลือง มีลักษณะคล้ายกับต่อมทอนซิล ทำหน้าที่เป็น “ยามเฝ้าประตู” คอยดักจับ และทำลายเชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรีย ที่แฝงตัวมากับอากาศ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย

ในเด็กเล็ก ต่อมอะดีนอยด์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อสู้กับเชื้อโรค ที่เด็กๆ ต้องเผชิญในช่วงวัยกำลังเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น ประมาณ 5-6 ปี ต่อมอะดีนอยด์จะค่อยๆ ฝ่อเล็กลง เนื่องจากร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ “ต่อมอะดีนอยด์” กลายเป็น “ภัยเงียบ”

แม้ต่อมอะดีนอยด์จะมีประโยชน์ แต่ในบางกรณี ต่อมอะดีนอยด์อาจมีขนาดใหญ่เกินไป หรือเกิดการอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการหายใจ เปรียบเสมือน “ยามเฝ้าประตู” ที่ตัวใหญ่เกินไป จนบดบังประตู ทำให้การเข้าออกห้องโถงเป็นไปอย่างยากลำบาก

ภาวะเช่นนี้ เรียกว่า “ต่อมอะดีนอยด์โต”
ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการหายใจ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก

อาการของต่อมอะดีนอยด์โต อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายมีอาการเด่นชัด บางรายมีอาการเล็กน้อย คุณพ่อคุณแม่ ควรหมั่นสังเกตลูกน้อย หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก

อาการเด่นชัด บ่งบอกถึงภาวะ “ต่อมอะดีนอยด์โต”

  • หายใจทางปาก: สังเกตว่าลูกน้อย หายใจทางปาก แม้ในขณะที่ไม่ได้ออกกำลังกาย พูดคุย หรือร้องไห้ เช่น นั่งดูทีวี นอนหลับ หรือเล่นของเล่น ก็ยังอ้าปากหายใจ อาจมีริมฝีปากแห้ง แตก บ่อยกว่าปกติ เนื่องจากลมหายใจผ่านทางปาก แทนที่จะผ่านทางจมูก ซึ่งมีหน้าที่ปรับความชื้น และอุณหภูมิของอากาศ
  • นอนกรน: เสียงกรน เกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอ เมื่อทางเดินหายใจส่วนบน (โพรงจมูก และคอหอย) แคบลง เช่น ต่อมอะดีนอยด์โต อากาศที่ผ่านเข้าออก จึงเกิดการเสียดสี ทำให้เกิดเสียงกรน หากลูกน้อยนอนกรนเป็นประจำ แม้ไม่ได้เป็นหวัด ก็ควรพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ
  • หยุดหายใจขณะหลับ  ในรายที่รุนแรง ต่อมอะดีนอยด์ อาจโตจนปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้เด็กหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะนอนหลับ (ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ Obstructive Sleep Apnea: OSA) ภาวะนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะทำให้สมองขาดออกซิเจน เด็กอาจสะดุ้งตื่น นอนหลับไม่สนิท ส่งผลต่อพัฒนาการ การเจริญเติบโต และสุขภาพโดยรวม

อาการอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับ “ต่อมอะดีนอยด์โต”

  • คัดจมูกเรื้อรัง: มีน้ำมูกไหลลงคอ (Post-nasal drip) ทำให้ต้องกระแอม ไอ หรือกลืนน้ำมูกบ่อยๆ อาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกข้น เสมหะ ติดต่อกันเป็นเวลานาน แม้จะไม่ได้เป็นหวัด เนื่องจากต่อมอะดีนอยด์ที่โต ไปปิดกั้นทางระบายน้ำมูก จากโพรงจมูก ลงสู่คอหอย
  • ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย: เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ เนื่องจากเชื้อโรค สะสมในโพรงจมูก และแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง เด็กที่เป็นต่อมอะดีนอยด์โต มักมีภูมิคุ้มกันต่ำ และป่วยบ่อย กว่าเด็กทั่วไป
  • เสียงพูดอู้อี้: โพรงจมูก ทำหน้าที่เป็น “กล่องเสียง” ช่วยให้เสียงพูดกังวาน ชัดเจน เมื่อโพรงจมูกถูกอุดกั้น เสียงพูดจึงฟังดูอู้อี้ คล้ายพูดในจมูก สังเกตว่าลูกพูดไม่ชัด เสียงขึ้นจมูก หรือมีปัญหาในการออกเสียงบางคำหรือไม่ เช่น ออกเสียง “ม” เป็น “บ” ออกเสียง “น” เป็น “ด”
  • หน้าตาเปลี่ยนแปลง (Adenoid facies): การหายใจทางปากเป็นเวลานาน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้า ทำให้ใบหน้ายาว ปากอ้า คางเล็ก ฟันยื่น ลักษณะใบหน้าแบบนี้ เรียกว่า “Adenoid facies” หรือ “หน้าอะดีนอยด์”
  • พัฒนาการช้า: การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้สมอง และร่างกาย ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ฮอร์โมน และพัฒนาการทางสมอง เด็กอาจมีสมาธิสั้น ซุกซน เรียนรู้ช้า เข้าใจอะไรยาก หรือมีพัฒนาการด้านภาษา และการสื่อสารล่าช้า

“ต่อมอะดีนอยด์โต” เรื่องเล็กๆ…ที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่

หลายคนอาจคิดว่า “ต่อมอะดีนอยด์โต” เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เดี๋ยวโตขึ้นก็หาย แต่ความจริงแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะยาว เช่น

  • ปัญหาการเจริญเติบโต: การนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายขาดออกซิเจน ส่งผลต่อการหลั่งโกรทฮอร์โมน ทำให้เด็กเตี้ย แคระแกร็น ไม่สูงตามเกณฑ์ น้ำหนักตัวน้อย ผอม หรืออ้วนผิดปกติ
  • ปัญหาพัฒนาการทางสมอง: สมองขาดออกซิเจน ส่งผลต่อการทำงานของสมอง การเรียนรู้ ความจำ สมาธิ เด็กอาจมีปัญหาในการเรียน ผลการเรียนตกต่ำ สมาธิสั้น หุนหันพลันแล่น ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ยาก
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด : ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือด ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ในระยะยาว
  • ความผิดปกติของใบหน้าและขากรรไกร: การหายใจทางปากเป็นเวลานาน ทำให้โครงสร้างใบหน้าผิดรูป เช่น ใบหน้ายาว คางเล็ก ฟันยื่น เพดานปากสูง โค้งแคบ ขากรรไกรบน และล่าง เจริญผิดปกติ สบฟันผิดปกติ ส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร การพูด และบุคลิกภาพ
  • ปัญหาสุขภาพจิต: เด็กที่นอนกรน หรือหยุดหายใจขณะหลับ มักนอนหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่ออารมณ์ พฤติกรรม เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว วิตกกังวล ซึมเศร้า มีปัญหาในการเข้าสังคม

ดูแลลูกน้อย ห่างไกล “ต่อมอะดีนอยด์โต”

แม้ว่าเราจะไม่สามารถป้องกัน “ต่อมอะดีนอยด์โต” ได้ 100% แต่การดูแลสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ก็ช่วยลดโอกาสการเกิด “ต่อมอะดีนอยด์โต” ได้ เช่น

  • รักษาความสะอาด: ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่ชุมชน หรือใกล้ชิดผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยไม่จำเป็น
  • ควบคุมโรคภูมิแพ้: หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น (ทำความสะอาดบ้าน เครื่องนอน เป็นประจำ) เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ควันบุหรี่ มลภาวะทางอากาศ (สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกนอกบ้าน) รับประทานยาแก้แพ้ ตามคำแนะนำของแพทย์
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารแปรรูป และอาหารทอด ซึ่งมีไขมันสูง อาจทำให้เกิดการอักเสบ ในร่างกาย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ และปอด ช่วยให้ร่างกาย แข็งแรง ต้านทานโรค เลือกกิจกรรมที่ลูกน้อย ชอบ และสนุก เช่น วิ่งเล่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้น ฯลฯ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอ ช่วยให้ร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และฮอร์โมน ที่สำคัญ สำหรับการเจริญเติบโต ควรจัดตารางนอน ให้เป็นเวลา สร้างบรรยากาศ ในห้องนอน ให้เงียบ สงบ มืดสนิท และอุณหภูมิ เหมาะสม

“ต่อมอะดีนอยด์โต” ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากพบอาการ รีบพบแพทย์

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสังเกตอาการ และพาบุตรหลาน ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษา ที่ถูกต้อง เหมาะสม และทันท่วงที

อย่าปล่อยให้ “ต่อมอะดีนอยด์โต” มาขัดขวาง การเจริญเติบโต และพัฒนาการ ของลูกน้อย!

 

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้แล้ววันนี้
เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับลูกของคุณ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

Line