เจาะลึกการรักษาผมร่วงด้วย PRP (การใช้พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น) ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร

ปัญหา “ผมร่วง” “ผมบาง” จนขาดความมั่นใจ เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและวิธีการรักษามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทายา, ทานยา, การผ่าตัดปลูกผม ไปจนถึงการทำเลเซอร์

แต่วันนี้ แผนกผิวหนังและเวชศาสตร์ความงาม โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม ขอพามารู้จักกับ PRP (Platelet-Rich Plasma) การใช้พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น หนึ่งในทางเลือกการรักษาผมร่วง ผมบางแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งใช้ “เกล็ดเลือด” ของตัวเราเองในการซ่อมแซมและกระตุ้นการทำงานของรากผม

บทความนี้จะเจาะลึกว่า PRP ผม คืออะไร, มีขั้นตอนอย่างไร, และที่สำคัญคือ มันแตกต่างจากวิธีรักษาอื่น ๆ อย่างไร

การใช้พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือ PRP ผม คืออะไร? ทำงานอย่างไร?

PRP (Platelet-Rich Plasma)  หรือ การใช้พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น คือ การนำเลือดของตัวคนไข้เองมาผ่านกระบวนการปั่นแยก (Centrifuge) เพื่อให้ได้ “เกล็ดเลือด” ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าปกติ 3-5 เท่า

ในเกล็ดเลือดที่เข้มข้นนี้ อุดมไปด้วยสารที่เรียกว่า Growth Factors ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติสำคัญในการ

  1. ซ่อมแซม: ช่วยฟื้นฟูเซลล์รากผมที่อ่อนแอหรือเสื่อมสภาพ
  2. กระตุ้น: สั่งการให้เซลล์รากผมที่อยู่ในระยะพัก (Telogen) กลับเข้าสู่วงจรการเติบโต (Anagen) อีกครั้ง
  3. สร้างใหม่: ช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่ๆ บริเวณหนังศีรษะ เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อแพทย์ฉีด PRP ที่สกัดได้กลับเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหา Growth Factors เหล่านี้ก็จะเข้าไปทำหน้าที่ฟื้นบำรุง ทำให้เส้นผมเดิมแข็งแรงขึ้น ลดการหลุดร่วง และกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม

การรักษาด้วย PRP แตกต่างจากวิธีอื่นอย่างไร

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราขอเปรียบเทียบการรักษาด้วย PRP กับวิธีมาตรฐานอื่นๆ ดังนี้

1. “การทายา/ทานยา” (Minoxidil, Finasteride)

  • ยา (ทา/ทาน): เป็นการรักษาแบบ “ประคับประคอง” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “ชะลอ” การหลุดร่วง และกระตุ้นผมเส้นเล็กให้หนาขึ้น เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผมร่วงระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง ข้อจำกัดคือ ต้องใช้อย่างต่อเนื่องทุกวัน หากหยุดยา ผมก็อาจกลับไปร่วงเหมือนเดิม และบางรายอาจมีผลข้างเคียงจากยา
  • PRP: ช่วยฟื้นฟูเสริมจากการแก้ปัญหาสาเหตุหลัก เช่น บางคนจำเป็นต้องใช้ยา ก็ต้องใช้ แต่ถ้าตอบสนองน้อย หรือช้า PRP จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และช่วยลดปริมาณการใช้ยาได้ในบางราย ไม่สามารถทดแทนได้ เป้าหมายคือใช้ยาน้อยที่สุด ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

2. เทียบกับ “การผ่าตัดปลูกผม” (Hair Transplantation)

  • การปลูกผม (FUE/FUT): เป็นการ “ย้ายที่อยู่” ของเซลล์ต้นกำเนิดรากผม คือการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกในบริเวณที่ล้านหรือบางอย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง หรือแนวผมร่นชัดเจน และข้อข้อบ่งชี้ในการปลูกผม เช่นปลูกทับร่องลึก ปลูกลบรอยแผลเป็น หรือปรับกรอบหน้า
  • PRP: เป็นการ “บำรุง” รากผมเดิมที่มีอยู่ ไม่ใช่การย้ายรากผม เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีรากผมเดิมอยู่ แต่เส้นผมเริ่มบางลง (Thinning Hair) หรือผมร่วงในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง ข้อดีคือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมักถูกใช้เป็นการรักษา “ร่วม” กับการปลูกผม หรือการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆทำให้ผมที่ปลูกไปใหม่แข็งแรงและขึ้นได้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

3. เทียบกับ “เลเซอร์กระตุ้นรากผม” (LLLT)

  • เลเซอร์ (LLLT): ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด คล้ายการ “ออกกำลังกาย” ให้รากผม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
  • PRP: เป็นการ “ฉีดสารอาหารเข้มข้น” (Growth Factors) ลงไปที่รากผมโดยตรง ถือเป็นการรักษาที่ตรงจุดและเข้มข้นกว่า

ใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาผมร่วงด้วย PRP?

  • ผู้ที่มีปัญหาผมบาง หรือเส้นผมเล็กลง
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
  • ผู้ที่ต้องการการรักษาแบบไม่ผ่าตัด และไม่ต้องการพักฟื้น และไม่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น ทานยา หรือหลังการผ่าตัดปลูกผม
  • ทั้งเพศชายและเพศหญิง (ที่ผมร่วงจากฮอร์โมน หรือผมบางตามวัย)

ขั้นตอนการทำ PRP ที่ รพ. วิชัยเวชฯ หนองแขม

ที่โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผมดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีขั้นตอนมาตรฐาน ดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์: แพทย์จะประเมินปัญหา, หาสาเหตุของผมร่วง และวางแผนการรักษา
  2. เก็บตัวอย่างเลือด: เจาะเลือดจากแขนของคนไข้ (ประมาณ 15-20 cc) ในปริมาณคล้ายการตรวจสุขภาพ
  3. ปั่นแยกเกล็ดเลือด: นำเลือดไปเข้าเครื่องปั่นแยกความเร็วสูง (Centrifuge) เพื่อสกัดเฉพาะส่วนที่เป็นเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)
  4. เตรียมหนังศีรษะ: ทำความสะอาดและอาจทายาชา (กรณีจำเป็น) หรือใช้อุปกรณ์ช่วยลดความเจ็บ เช่น ความเย็น หรือการสั่นสะเทือนเพื่อลดความเจ็บขณะฉีด
  5. ฉีด PRP: แพทย์จะค่อยๆ ฉีด PRP ที่สกัดได้ กลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาประมาณ 8-10 จุด

สรุป

การรักษาผมร่วงด้วย PRP เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยหลักการ “ซ่อมแซมด้วยตัวเอง” ของร่างกาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูรากผมเดิมให้กลับมาแข็งแรง ลดการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ โดยไม่ต้องผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของผมร่วงและความรุนแรงของแต่ละบุคคล รวมถึงสุขภาพพื้นฐานของแต่ละบุคคล

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปรึกษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ

หากคุณกำลังประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไม่มั่นใจในสุขภาพเส้นผม สามารถนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้

แผนกผิวหนังและเวชศาสตร์ความงาม
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

Line