คนป่วยเพิ่มมากขึ้น โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ เช็คอาการ สาเหตุ วิธีรักษา

โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ เช็กอาการ สาเหตุ และวิธีรักษา ก่อนอันตรายถึงชีวิต

โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Stenosis) เป็นหนึ่งในโรคหัวใจที่มักเกิดในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มพบมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจตามวัย หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือแม้แต่หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้

บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้เท่าทันโรคนี้ ทั้งอาการเตือน สาเหตุหลัก และทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบคืออะไร?

ลิ้นหัวใจเอออร์ติกเป็นหนึ่งในลิ้นหัวใจสำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของเลือดจากหัวใจไปยังหลอดเลือดใหญ่ หากเกิดภาวะ “ตีบ” ลิ้นจะเปิดได้ไม่เต็มที่ ทำให้เลือดไหลผ่านลำบาก หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น จนกล้ามเนื้อหัวใจหนาและเสื่อมในที่สุด

สาเหตุของโรค

  • การเสื่อมของลิ้นหัวใจจากอายุ (Degenerative Aortic Stenosis)
  • ความผิดปกติของลิ้นหัวใจตั้งแต่กำเนิด (เช่น ลิ้นหัวใจสองแฉก)
  • การสะสมของแคลเซียมที่ลิ้นหัวใจ
  • ประวัติไข้รูมาติกหรือการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ

อาการที่ควรระวัง

ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อโรคดำเนินไป อาจพบอาการดังนี้:

  • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แม้ทำกิจกรรมเบา ๆ
  • เจ็บแน่นหน้าอก
  • เป็นลมหรือหน้ามืดบ่อย
  • ใจสั่น หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
  • หอบเหนื่อยเมื่อนอนราบ ขาบวม

หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางหัวใจเพื่อวินิจฉัย

กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจคัดกรอง

  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคลิ้นหัวใจ
  • ผู้ที่เคยเป็นไข้รูมาติกในวัยเด็ก

วิธีการวินิจฉัยโรคลิ้นหัวใจตีบ

หากสงสัยว่าอาจเป็นโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ แพทย์จะวินิจฉัยด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • ตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจ
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
  • ตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) → เครื่องมือสำคัญที่สุดในการประเมินระดับความตีบ
  • การตรวจเลือด
  • CT Scan หรือ MRI (ในบางกรณี)

อ่านเพิ่มเติม:

แนวทางการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ

กรณีที่ยังไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง

  • เฝ้าระวังและตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ (เช่น ตรวจ Echo ทุก 6–12 เดือน)
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ควบคุมความดัน เบาหวาน และไขมันในเลือด
  • หลีกเลี่ยงการออกแรงหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยมาก

กรณีที่มีอาการรุนแรง

  • แพทย์อาจแนะนำ การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจแบบเปิดหน้าอก (Open Heart Surgery) เป็นวิธีมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ลิ้นหัวใจเทียมหรือชีวภาพ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งก่อนและหลังผ่าตัด

อันตรายหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา

  • หัวใจทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ → จนอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
  • เสี่ยงเกิด หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน แม้ยังไม่เคยมีอาการชัดเจน
  • ผู้ที่มีอาการชัดเจนแล้ว แต่ไม่ได้รักษา → มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 50% ภายใน 2 ปี

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ลิ้นหัวใจตีบต้องผ่าตัดทุกคนไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป หากระดับการตีบยังไม่มากและไม่มีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้เฝ้าระวังและตรวจติดตามเป็นระยะ

Q: การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจปลอดภัยหรือไม่?
A: ปัจจุบันการผ่าตัดมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะเมื่อทำในโรงพยาบาลที่มีทีมศัลยแพทย์หัวใจและวิสัญญีแพทย์ที่มีประสบการณ์

Q: ถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะเป็นอะไร?
A: หัวใจจะอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ และอาจนำไปสู่หัวใจล้มเหลวหรือเสียชีวิตเฉียบพลันได้

ดูแลหัวใจของคุณ…อย่ารอให้สายเกินไป

หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติของหัวใจ เช่น เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ที่ ศูนย์หัวใจวิชัยเวช โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่อง Echo และเทคโนโลยีหัวใจที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน

นัดหมายแพทย์เฉพาะทางหัวใจ
02-441-6999 ต่อ 5555
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา
แผนที่การเดินทาง https://maps.app.goo.gl/gfpniWd1QzeZ89p97

Line