แมมโมแกรม & อัลตราซาวด์ ทำไมการตรวจทั้งสองอย่างจึงจำเป็น?

โดย พญ.กรวลี วีระธรากุล
แพทย์คลินิกเต้านม รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม

ผู้หญิงหลายคนอาจสงสัยว่าการตรวจเต้านมแบบไหนดีที่สุด แมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์? คำตอบคือ ทั้งสองวิธีมีข้อดีที่แตกต่างกัน และเมื่อนำมาใช้ร่วมกันจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมมากขึ้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่าทำไมการตรวจทั้งแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์จึงมีความสำคัญ และเหมาะกับใครบ้าง

แมมโมแกรมคืออะไร?

แมมโมแกรมเป็นการเอกซเรย์เต้านมที่ใช้ในการคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยสามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือหินปูนที่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น วิธีนี้เหมาะกับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ต้องการตรวจสุขภาพเต้านมเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม แมมโมแกรมอาจมีข้อจำกัดในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนา เพราะอาจทำให้การแยกแยะระหว่างเนื้อเยื่อปกติกับก้อนผิดปกติทำได้ยากขึ้น

อัลตราซาวด์เต้านมคืออะไร?

อัลตราซาวด์เต้านมเป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสร้างภาพของเนื้อเยื่อเต้านม วิธีนี้สามารถช่วยแยกแยะก้อนเนื้อที่พบได้ว่ามีลักษณะเป็นถุงน้ำ (ซีสต์) หรือเป็นก้อนเนื้อแข็งที่ต้องตรวจเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้หญิงที่มีเนื้อเต้านมแน่น เนื่องจากอัลตราซาวด์สามารถให้ภาพที่ชัดเจนกว่าในกรณีนี้

ทำไมต้องตรวจทั้งแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์?

แม้ว่าทั้งสองวิธีสามารถตรวจหามะเร็งเต้านมได้ แต่การใช้ร่วมกันสามารถเพิ่มความแม่นยำของผลการตรวจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้:

  • ในผู้ที่มีเนื้อเต้านมแน่น แมมโมแกรมอาจไม่สามารถแยกก้อนผิดปกติออกจากเนื้อเต้านมได้ชัดเจน แต่เมื่อใช้ร่วมกับอัลตราซาวด์ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นรายละเอียดของก้อนได้มากขึ้น
  • ในกรณีที่พบก้อนผิดปกติจากแมมโมแกรม อัลตราซาวด์สามารถช่วยบอกได้ว่าก้อนที่พบเป็นซีสต์หรือเป็นก้อนเนื้อที่ต้องตรวจชิ้นเนื้อต่อไป
  • ลดโอกาสของผลลบลวง (False Negative) ซึ่งหมายถึงการที่ก้อนมะเร็งไม่ถูกตรวจพบจากแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียว การใช้ทั้งสองวิธีช่วยให้มั่นใจได้ว่าความผิดปกติจะถูกตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก
  • ช่วยระบุลักษณะของก้อนที่พบ อัลตราซาวด์ช่วยให้เห็นโครงสร้างภายในของก้อนเนื้อ ทำให้สามารถจำแนกได้ว่ามีลักษณะที่เป็นอันตรายหรือไม่

การตรวจแมมโมแกรมกับอลตราซาวด์เต้านม จะทำให้รู้อะไร?

การตรวจทั้งสองวิธีนี้สามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพเต้านมของคุณ เช่น:

  • การมีหรือไม่มีความผิดปกติ การตรวจสามารถช่วยยืนยันได้ว่ามีความผิดปกติที่ควรเฝ้าระวังหรือไม่
  • ชนิดของก้อนที่พบ หากพบก้อนเนื้อ แพทย์สามารถประเมินได้ว่าเป็นก้อนเนื้อธรรมดา ถุงน้ำ หรืออาจเป็นมะเร็ง
  • ขนาดและตำแหน่งของก้อน การตรวจจะช่วยระบุขนาดและตำแหน่งที่แน่นอนของก้อนเนื้อ เพื่อช่วยวางแผนการรักษา
  • การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อเต้านม หากมีความผิดปกติที่ต้องติดตาม แพทย์สามารถใช้การตรวจครั้งต่อไปเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อเต้านมได้
  • การวางแผนการรักษา หากพบความผิดปกติ การตรวจทั้งสองวิธีสามารถช่วยให้แพทย์ตัดสินใจว่าควรเฝ้าระวังต่อไป หรือต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ

หากตรวจพบความผิดปกติควรทำอย่างไร?

หากผลตรวจพบความผิดปกติ อย่าเพิ่งตกใจ สิ่งที่ควรทำคือ:

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะประเมินลักษณะของความผิดปกติ และอาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
  2. ติดตามผลการตรวจซ้ำ หากแพทย์แนะนำให้เฝ้าระวัง ควรเข้ารับการตรวจตามกำหนดเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของก้อนเนื้อ
  3. ศึกษาทางเลือกในการรักษา หากผลตรวจชิ้นเนื้อยืนยันว่าเป็นมะเร็ง ควรศึกษาทางเลือกในการรักษา เช่น การผ่าตัด การใช้รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสม
  4. ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ การดูแลตัวเองด้วยโภชนาการที่ดี ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายพร้อมรับมือกับการรักษา
  5. ปรึกษากลุ่มสนับสนุน หากรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล ควรพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ หรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และรับกำลังใจ

ใครควรตรวจทั้งแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์?

  • ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี หรือผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุ 35 ปี
  • ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น คลำพบก้อน เจ็บเต้านม หรือมีน้ำผิดปกติออกจากหัวนม
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม
  • ผู้ที่ตรวจพบก้อนผิดปกติจากแมมโมแกรมและต้องการการตรวจเพิ่มเติม
  • ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อนและต้องการติดตามอาการ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ

  • หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น แป้ง หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายในวันตรวจ เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพของภาพจากแมมโมแกรม
  • ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดออกง่าย เช่น เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อที่มีกระดุมหน้า
  • แจ้งแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • พยายามเลือกวันตรวจที่ไม่อยู่ในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน เนื่องจากเต้านมอาจบวมและทำให้รู้สึกไม่สบายขณะตรวจ

การตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจหาความผิดปกติของเต้านมได้อย่างแม่นยำที่สุด การใช้ร่วมกันจะช่วยลดข้อจำกัดของแต่ละวิธีและเพิ่มโอกาสในการตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรก ดังนั้น หากคุณมีความเสี่ยงสูงหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพเต้านมของตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด


ติดต่อ คลินิกเต้านม รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999

หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

Line