มะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนี้มะเร็งปากมดลูก ยังเป็นโรคมะเร็งอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลก และ มีคนไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกถึง 10,000 คนต่อปี หรือวันละ 27 คน การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ นพ.เกรียงไกร สิทธิดิลกรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์สูตินรีเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตอาการเบื้องต้นและการป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้ได้ทราบกันค่ะ
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร?
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดฮิวแมนแปปปิโลมาไวรัส (Human Papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งมักจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งคำว่าเพศสัมพันธ์อาจไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเฉพาะชาย กับหญิง แต่สามารถเกิดได้กับการมีเพศสัมพันธ์ของชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง ก็สามารถถ่ายทอดเชื้อโรคนี้ไปสู่กันและกันได้ครับ เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่จะทำให้รับเชื้อ HPV เข้ามาได้ง่าย คือ
- การมีเพศสัมพันธ์เร็ว ตั้งแต่อายุน้อย
- การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน
- การสูบบุหรี่
เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ HPV เป็นครั้งแรก ระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อไวรัส แต่เชื้อ HPV ก็อาจทำให้เซลล์ที่ปากมดลูกเกิดความผิดปกติและกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ อย่างไรก็ตามคนส่วนมากที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV เซลล์อาจจะยังไม่พัฒนาเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกที่ได้รับเชื้อ แต่การพัฒนาของโรคอาจขึ้นกับปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดโรคด้วยเช่นกัน
อาการของมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกถือเป็นภัยเงียบ เนื่องจากระยะเวลากำเนิดของโรคจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ใช้เวลาประมาณ 10-15 ปี การพัฒนาของโรคมักเป็นดังนี้
- ระยะแรก ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมักไม่แสดงอาการ
อาการนำที่ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์
- มีอาการตกขาวปนเลือด
- มีเลือดออกผิดปกติ เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังหมดประจำเดือน
- เมื่อมะเร็งลุกลามไปยังตำแหน่งหรืออวัยวะต่าง ๆ อาจเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น ถ้ากระจายไปกดที่ท่อไต ก็อาจทำให้เกิดอาการไตวาย มีอาการปัสสาวะออกน้อย ถ้ามะเร็งมีการกระจายไปที่ลำไส้ใหญ่ ก็อาจจะมาพบแพทย์ด้วยอาการถ่ายเป็นเลือด
วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก มีวิธีการป้องกันตัวเอง 3 ระดับ
ระดับที่ 1 คือ การสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกและรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ นอกจากนี้การป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูง ยังสามารถป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด ช่องคลอด ทวารหนัก และมะเร็งช่องปากได้อีกด้วย แนะนำให้ฉีด HPV วัคซีน ที่ช่วงอายุ 11 หรือ 12 ปี ถึงอายุ 26 ปี และได้ผลดีที่สุดในคนที่ไม่เคยได้รับเชื้อหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
และแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว แพทย์ก็ยังแนะนำให้ไปตรวจภายในและคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ
ระดับที่ 2 คือ การตรวจคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่การรับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี
ระดับที่ 3 คือ การรักษาอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
เมื่อไหร่ที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจครั้งแรก หลังมีเพศสัมพันธ์ ภายใน 3 ปีแรก
- หลังจากนั้น ควรตรวจเป็นประจำทุก 1-2 ปี โดยตรวจตั้งแต่อายุ 25 ปี ในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือเมื่ออายุ 30 ปี ในผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และควรตรวจต่อเนื่องจนถึงอายุ 65 ปี
- ในช่วงอายุ 54-65 ปี ควรได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูก อย่างน้อย 3 ครั้งใน 10 ปี และผลต้องเป็นปกติทั้งหมด
บทความอื่นที่น่าสนใจ
ดูแลร่างกายให้พร้อม เพื่อสุขภาพที่ดี
ป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ติดต่อ ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา