HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 รักษายังไง? รู้จักไวรัสก่อมะเร็งปากมดลูก พร้อมวิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัย

บทความโดย
นพ.สักกพันธ์ เลาหสุรโยธิน
แพทย์เฉพาะทางศูนย์สูตินรีเวช

HPV (Human Papillomavirus) เป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง (High-risk HPV)

หากคุณเพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 หรือ 18 ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก เพราะสามารถควบคุมและลดความเสี่ยงได้ หากได้รับการดูแลและตรวจติดตามอย่างเหมาะสม

HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 คืออะไร?

จากไวรัสกว่า 100 สายพันธุ์ของ HPV มีประมาณ 14 สายพันธุ์ที่เป็นสายพันธุ์เสี่ยงสูง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งคอหอย

ในกลุ่มนี้ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ถือเป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกทั่วโลก โดยคิดเป็นประมาณ 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด

อ่านเพิ่มเติม มะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไร? ป้องกันได้ไหม?

การติดเชื้อ HPV 16/18 อันตรายแค่ไหน?

  • ในบางคน ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เองภายใน 1–2 ปี หากมีภูมิคุ้มกันดี
  • แต่ในกรณีที่ไวรัสคงอยู่ อาจทำให้เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติ และหากไม่ตรวจติดตาม อาจพัฒนาเป็นมะเร็งในอนาคต

HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 รักษายังไง?

ปัจจุบันยังไม่มี “ยากำจัดเชื้อ HPV” โดยตรง แต่สามารถดูแลรักษาและควบคุมความเสี่ยงได้ด้วยวิธีดังนี้:

  1. ตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ
  • ทำ Pap smear และ HPV DNA test ตามคำแนะนำแพทย์
  • หากมีความผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจ Colposcopy (ส่องกล้องดูเซลล์ปากมดลูกอย่างละเอียด)
  1. รักษาความผิดปกติของเซลล์
  • หากพบเซลล์ผิดปกติจากการตรวจ อาจใช้วิธีการรักษา เช่น:
    • LEEP (ตัดชิ้นเนื้อปากมดลูกด้วยคลื่นไฟฟ้า)
    • Cryotherapy (จี้เย็นทำลายเซลล์ผิดปกติ)
    • การตัดปากมดลูกบางส่วน
  1. เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ลดความเครียดและงดสูบบุหรี่

ฉีดวัคซีน HPV ยังทันไหม?

วัคซีน HPV สามารถป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเคยติดเชื้อแล้วก็ยังสามารถฉีดเพื่อลดโอกาสการติดซ้ำ หรือป้องกันสายพันธุ์อื่นที่ยังไม่ติด

อ่านเพิ่มเติม วัคซีน HPV มีกี่แบบ เลือกฉีดแบบไหนดี  

ทำไมต้องตรวจคัดกรองต่อเนื่อง?

เพราะการติดเชื้อ HPV มักไม่แสดงอาการ และการตรวจอย่างสม่ำเสมอสามารถตรวจพบเซลล์ผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะก่อนเป็นมะเร็ง

  • Pap smear และ HPV DNA test คือเครื่องมือสำคัญในการติดตามความเสี่ยง

ใครบ้างที่ควรตรวจ HPV DNA และ Pap smear?

  • ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์
  • ผู้ที่เคยมีประวัติเซลล์ผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเคยติดเชื้อ HPV

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ตรวจพบ HPV 16/18 ต้องรักษาเลยไหม?
A: ยังไม่จำเป็นต้องรักษาทันที แต่ต้องตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบเซลล์ผิดปกติจึงค่อยเข้าสู่กระบวนการรักษา

Q: HPV หายเองได้ไหม?
A: ได้ในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง แต่ต้องติดตามผลต่อเนื่องอย่างน้อย 1–2 ปี

Q: ฉีดวัคซีน HPV ตอนติดเชื้ออยู่ได้ไหม?
A: ได้ โดยจะช่วยป้องกันการติดสายพันธุ์อื่น ๆ และลดโอกาสการติดซ้ำ

Q: ติด HPV แล้วจะเป็นมะเร็งแน่ไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป หากตรวจและรักษาเซลล์ผิดปกติได้ทัน สามารถป้องกันไม่ให้ลุกลามได้

Q: ตรวจที่ไหนดี?
A: ศูนย์สูตินรีเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม มีแพทย์เฉพาะทางพร้อมดูแล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

ตรวจ HPV และ Pap smear กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ศูนย์สูตินรีเวช ประจำโรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม
ให้บริการตรวจ HPV DNA, Pap smear และให้คำปรึกษาด้วยความเข้าใจ

การรู้ทัน HPV คือกุญแจสำคัญสู่การป้องกันมะเร็งปากมดลูก เริ่มต้นตรวจวันนี้ เพื่ออนาคตสุขภาพที่ปลอดภัย


ติดต่อ ศูนย์สูตินรีเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม

02-441-6999

หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา
แผนที่การเดินทาง https://maps.app.goo.gl/gfpniWd1QzeZ89p97

Line