เมื่อเด็กเล็กเริ่มมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ร้องงอแง ไม่ยอมกินอาหาร และมีแผลในปาก พ่อแม่หลายคนอาจนึกถึงโรคมือเท้าปาก แต่โรคที่มีอาการคล้ายกันและพบบ่อยในเด็กเล็กก็คือ “เฮอร์แปงไจน่า” หรือ Herpangina โรคติดต่อในเด็กที่มักพบในช่วงหน้าฝน–หน้าร้อน หากปล่อยไว้อาจเสี่ยงขาดน้ำและอ่อนเพลียรุนแรง
บทความนี้จะช่วยพ่อแม่เช็กว่าอาการของลูกใช่เฮอร์แปงไจน่าหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีดูแลให้หายเร็วขึ้น
เฮอร์แปงไจน่า คืออะไร?
เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) คือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งในกลุ่ม Enterovirus โดยเฉพาะเชื้อ Coxsackie virus มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และติดต่อได้ง่ายผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก และของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
อาการของโรคเฮอร์แปงไจน่าในเด็ก
สังเกตได้จากอาการเด่น ๆ ดังนี้
- ไข้สูงเฉียบพลัน 38.5–40°C
- เจ็บคอ กลืนน้ำลายแล้วร้องไห้
- ไม่ยอมกินอาหารหรือดื่มน้ำ
- มีแผลขนาดเล็กในปาก ลิ้น เพดานปาก หรือบริเวณโคนลิ้น
- อาจมีน้ำลายไหลมาก
- เด็กบางคนอาจมีอาการท้องเสียหรืออาเจียนร่วมด้วย
เฮอร์แปงไจน่ากับมือเท้าปากต่างกันอย่างไร?
มือเท้าปากมักมีผื่นที่มือ เท้า และก้นร่วมด้วยแต่เฮอร์แปงไจน่าจะมีแผลเฉพาะในปาก และไม่มีผื่นตามตัว
โรคติดต่อทางเดินอาหารที่คล้ายกัน มีอะไรอีก?
- ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
- โรคมือเท้าปาก
- คออักเสบจากไวรัสทั่วไป
- เริมในช่องปาก
การวินิจฉัยที่แม่นยำควรได้รับการตรวจโดยกุมารแพทย์
อ่านเพิ่มเติม
ลูกเป็นเฮอร์แปงไจน่า ควรกินอะไร?
เด็กที่เป็นเฮอร์แปงไจน่าจะเจ็บปากมาก ทำให้กินอาหารลำบาก ควรเลือกอาหารที่นุ่ม กลืนง่าย และไม่ร้อนหรือเผ็ดเกินไป เช่น:
อาหารแนะนำ
- น้ำเย็น น้ำเกลือแร่
- โจ๊ก ข้าวต้ม
- ซุปไก่ ซุปผัก
- ไอศกรีมเย็น ๆ ช่วยลดอาการเจ็บปากได้ชั่วคราว
อาหารที่ควรเลี่ยง
- อาหารเผ็ดหรือร้อน
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว
- อาหารทอดหรือกรอบแข็ง
ดูแลลูกอย่างไรเมื่อเป็นเฮอร์แปงไจน่า?
- เช็ดตัวลดไข้เมื่อมีไข้สูง
- ให้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ตามน้ำหนักตัว
- ให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ ป้องกันภาวะขาดน้ำ
- พยายามป้อนอาหารอ่อน ๆ เป็นมื้อเล็ก ๆ บ่อยครั้ง
- สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น ชักจากไข้สูงหรือไม่ปัสสาวะ
ลูกจะหายภายในกี่วัน?
อาการมักจะดีขึ้นใน 5–7 วัน และหายขาดใน 7–10 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ (เพราะเป็นไวรัส)
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที:
- ไข้สูงไม่ลดเกิน 3 วัน
- ไม่กินอะไรเลยเกิน 1 วัน
- ซึมลง หรือไม่ยอมเล่น
- ปัสสาวะน้อยหรือไม่ถ่ายปัสสาวะเลย
ป้องกันลูกจากการติดเชื้อเฮอร์แปงไจน่า
- หมั่นล้างมือให้ลูกบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหาร
- หลีกเลี่ยงการใช้ของเล่นหรือของใช้ร่วมกับผู้อื่น
- งดพาเด็กไปสถานที่แออัดหากมีการระบาด
- หากลูกป่วย ควรให้หยุดเรียนจนหาย เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
ตารางสรุป: เปรียบเทียบอาการของโรคที่พบบ่อยในเด็ก
อาการ | เฮอร์แปงไจน่า | มือเท้าปาก | คออักเสบ | เริมในปาก |
ไข้สูงเฉียบพลัน | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
แผลในปาก | ✅ | ✅ | ❌ | ✅ |
ผื่นที่มือ–เท้า | ❌ | ✅ | ❌ | ❌ |
กลืนน้ำลำบาก | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
ท้องเสีย/อาเจียน | อาจมี | อาจมี | ❌ | ❌ |
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Q: ลูกมีแผลในปากทุกครั้งที่เป็นไข้ ใช่เฮอร์แปงไจน่าไหม?
A: ไม่เสมอไป ต้องดูว่ามีไข้สูง แผลในปากเป็นตุ่มใส–แผลตื้นที่เพดานปาก โคนลิ้น หรือไม่ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน
Q: เฮอร์แปงไจน่าต้องกินยาปฏิชีวนะหรือไม่?
A: ไม่จำเป็น เพราะเป็นไวรัส ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยในการรักษา ยาจะใช้เพียงลดไข้และบรรเทาอาการ
Q: ลูกติดจากที่ไหนได้บ้าง?
A: ส่วนใหญ่ติดจากการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือของเล่นที่ปนเปื้อนของเด็กที่ติดเชื้อ
หากลูกน้อยกินไม่ได้ เจ็บปาก มีไข้สูง และมีแผลในปาก อาจเป็นสัญญาณของ “เฮอร์แปงไจน่า” โรคติดต่อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก การดูแลอย่างใกล้ชิด และพาไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดอาการรุนแรง และทำให้ลูกกลับมาสดใสร่าเริงได้เร็วขึ้น
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเด็กได้ที่ ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม ดูแลโดยทีมกุมารแพทย์ พร้อมให้คำแนะนำ เข้าใจทุกปัญหาสุขภาพของลูกน้อย
ดูแลสุขภาพลูกน้อยอย่างครบวงจร
ติดต่อศูนย์กุมารเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา