การเข้ารับวัคซีนโควิด19 ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากถือว่าเป็นโรคที่ยังไม่ได้มีการรักษาที่ชัดเจน เช่นเรื่องของตัวยา รวมถึงมีอัตราของผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น อย่างในต่างประเทศอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุ บางประเทศพุ่งสูงถึง 10-15% ซึ่งการฉีดวัคซีนจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ลดความรุนแรงของโรค ซึ่งในประเทศไทยมุ่งหวังที่จะลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของโรค จึงต้องมุ่งเน้นการฉีดวัคซีนโควิดให้กับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค หรือคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่รุนแรงได้
ทำไมกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรังถึงมีอัตราความเสี่ยงสูง
เนื่องจากกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว จะมีประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะในร่างกายเสื่อมลง นอกจากนี้ภูมิคุ้มกันยังลดลง ทำให้จึงมีความเสี่ยงสูงหากติดเชื้อโควิด19 อาจเกิดความรุนแรงหรืออันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งอาการของโรคมีอย่างหลากหลาย ผู้ป่วยบางคนอาจไม่แสดงอาการใดๆเลย ในขณะที่ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการหนักมากจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงเป็นกลุ่มที่ต้องระวัง และควรได้รับวัคซีนในระยะเวลาอันรวดเร็ว
7 กลุ่มโรคประจำตัวที่จะได้รับการฉีดวัคซีน
1. ผู้ป่วยโรคปอด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคปอดและทางเดินหายใจที่มีความเสี่ยงสูง คือ ผู้ป่วยโรคหืดหอบระดับปานกลางถึงรุนแรงและผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง ,โรคแอดอักเสบเรื้อรัง และโรคซิสติก ไฟโบรซิส เนื่องจากโควิด-19 มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ กระตุ้นอาการหอบหืดและอาจทำให้เกิดโรคปอดบวมและโรคร้ายแรงอื่นๆ สำหรับผู้ป่วยโรคปอด โควิด-19 อาจทำให้โรคปอดกำเริบหนักขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง
2. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคหัวใจหากติดโควิด-19 อาจมีอาการหัวใจวาย หรือภาวะหัวใจล้มเหลวได้ อาการโรคหัวใจที่รุนแรงยิ่งขึ้นนี้เกิดจากอาการป่วยของการติดเชื้อไวรัสและการที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้นจากภาวะไข้ ประกอบกับระดับออกซิเจนที่ต่ำลงจากปอดบวมและโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน (Myocarditis) ในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย
3. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
ผู้ป่วยโรคไตที่อยู่ในขั้นที่ 3 ถึงขั้นที่ 5 ผู้ป่วยที่รักษาด้วยการฟอกเลือดและผู้ป่วยที่เปลี่ยนถ่ายไตอยู่ในกลุ่มเสี่ยงในการมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่รักษาด้วยการฟอกเลือดอาจมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไตต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันทำให้ภูมิคุ้มกันลดต่ำลงทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
4. ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
5. โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด
6. โรคเบาหวาน ทั้งเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 รวมถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ล้วนมีความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงหากติดโรคโควิด-19 เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีและมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเป้าหมาย มักมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆร่วมด้วย นอกจากนี้การติดเชื้อยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนและควบคุมได้ยาก ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น รวมถึงเชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีในภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
7. โรคอ้วน ผู้ที่เป็นโรคอ้วนชนิดรุนแรงคือผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายตั้งแต่ 40 ขึ้นไปหรือตั้งแต่ 30 ขึ้นไป สำหรับชาวเอเชีย ผู้ที่เป็นโรคอ้วนชนิดรุนแรงมีความเสี่ยงในการเกิด กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนชนิดรุนแรงยังมีโรคประจำตัวเรื้อรังอื่นๆที่ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการมีอาการที่รุนแรงได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 กรณีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว
- หากรับประทานยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนได้รับวัคซีน
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ อัมพฤต อัมพาต ไม่ควรหยุดยา ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำให้หยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ผลลัพธ์ของวัคซีนมีความแม่นยำ
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่าย ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะอาจต้องใช้เวลากดแผลบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น เช่น จาก 5 นาทีเป็น 15 นาที หรือนานกว่านั้น และหากหลังฉีดวัคซีน มีอาการห้อเลือดหรือจ้ำเลือดขึ้น ควรรีบพบแพทย์
อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด19 ที่อาจเกิดขึ้น
- อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวด บวม แดง คัน หรือช้ำบริเวณที่ฉีดยา อ่อนเพลีย และรู้สึกไม่สบายตัว อาจมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย อาการคล้ายมีไข้ คลื่นไส้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ
- อาการที่พบได้ไม่บ่อย หรือพบได้น้อย เช่น มีไข้ มีก้อนที่บริเวณที่ฉีดยา เวียนศีรษะ มึนงง ใจสั่น ปวดท้อง อาเจียน ความยากอาหารลดลง เหงื่อออกมากผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโต อาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น
- อาการแพ้วัคซีน มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง หลอดลมตีบ หายใจลำบาก ผื่นขึ้นตามตัว มีจุดเลือดออกจำนวนมาก อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก หมดสติ
หากพบว่ามีอาการรุนแรงการการฉีดวัคซีนควรรีบพบแพทย์
ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนโควิด19
สิ่งที่ต้องแจ้งให้บุคลากรทางการแพทย์ทราบก่อนการฉีดวัคซีน ได้แก่
- มีประวัติการแพ้ยา วัคซีน อาหาร สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ อย่างรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต
- มีไข้เกิน 38 องศาเซลเซียสในวันที่นัดฉีดวัคซีน
- มีรอยช้ำหรือจ้ำเลือด หรือเลือดออกผิดปกติ หรือใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดอยู่ เช่น วาร์ฟาริน
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือใช้ยากดภูมิคุ้มกันอยู่ เช่น ยาสเตียรอยด์ขนาดสูง ยารักษาโรคมะเร็ง หรือยากดภูมิคุ้มกัน
- มีอาการข้างเคียงทุกชนิดจากการฉีดวัคซีนในเข็มแรง
- ตั้งครรภ์ หรือมีแผนตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ดูแลร่างกายให้พร้อม เพื่อสุขภาพที่ดี
ป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ติดต่อ ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา