โรคไวรัสตับอักเสบบี HBsAg

ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบ ชนิดบี (ผล HBsAg : Positive) ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะตับอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้น และมีสุขภาพดีเหมือนคนทั่วไป จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีตับอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย ซึ่งจะทราบได้จากการตรวจเลือด พบว่ามีเอนไซม์ SGOT และ SGPT สูงกว่าปกติ ซึ่งกลุ่มนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ต่อไป แพทย์จะวินิจฉัยว่ามีการอักเสบเรื้อรังของตับได้นั้น ต้องมีหลักฐานว่า การอักเสบมีต่อเนื่องกัน ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน โดยดูจากผลการตรวจเอนไซม์ตับ SGOT, SGPT พบว่าสูงกว่าปกติมากกว่า 2 เท่าขึ้นไป นานกว่า 6 เดือน ซึ่งกรณีนี้อาจจำเป็นต้องให้การรักษาเฉพาะเพิ่มเติมต่อไป

ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบ ควรปฏิบัติตัวดังนี้

  1. ไม่ดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เบียร์ เป็นต้น
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง/วัน ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่นอนดึกจนเกินไป และไม่ควรปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรม
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ3-4 ครั้ง เช่น เดิน 3-5 กิโลเมตร ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค
  4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อรา หรือมีความชื้นสูง ที่พบมากเช่น พริกป่น ถั่วลิสง เพราะสารอัลฟาร์ทอกซินของเชื้อรา ทำให้เกิดมะเร็งตับในสัตว์ทดลอง
  5. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา หรือสารที่เป็นอันตรายต่อตับ เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักมากเกินไป เป็นสาเหตุของการอักเสบได้
  6. ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ชิด

ไวรัสอับอักเสบ สามารถติดต่อสู่บุคคลอื่น ทางเลือด น้ำเหลือง และเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่ติดต่อจากการรับประทานอาหารร่วมกัน พูดคุยกัน หรือจับมือกัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในเลือดสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ เหมือนคนปกติทุกประการ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เช่น ภรรยา บุตร ถ้ายังไม่มีภูมิต้านทานก็ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบถ้วน

การตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบ ชนิด บี (Hepatitis B Surface Antibody: HBsAb)

การตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบ ชนิดบี คือ ตรวจ Hepatitis B surface Antibody: HBsAb (ถ้าตรวจหาเชื้อไวรัสจะตรวจหา Hepatitis B surface Antigen: HBsAg) ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแล้ว จะพบ HBsAb ให้ผลบวก (Positive) ส่วนผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ผล HBsAb จะเป็นลบ (Negative)
ผู้ตรวจพบมีภูมิคุ้มกันแล้ว แสดงว่า เคยได้รับเชื้อมาก่อน และหายเรียบร้อยดีแล้ว หรือเคยได้รับการฉีดวัคซีนมาครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว เมื่อตรวจพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว ถือว่าสามารถป้องกันตับอักเสบจากเชื้อไวรัสชนิดบี ได้ตลอดชีวิต
แต่ในผู้ที่ฉีดวัคซีน อาจจะมีระดับภูมิคุ้มกันขึ้นไม่สูงนัก และระดับภูมิคุ้มกัน อาจจะค่อยๆ ลดลงจนอาจตรวจไม่พบในระยะเวลาต่อมาได้ แต่ถึงแม้จะตรวจให้ผลลบ ในทางการแพทย์ พบว่า ยังมีคุ้มกันเพียงพอที่จะป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบชนิดบีได้ เพราะภูมิคุ้มกันในระดับต่ำจนตรวจไม่พบนี้ จะเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วทันที ถ้ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี เข้าสู่ร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่ตรวจสอบ พบว่าระดับภูมิคุ้มกันของตนเอง ลดต่ำลงตามที่กล่าวมาแล้ว อาจเพิ่มความมั่นใจ ด้วยการฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มอีก 1 เข็มก็ได้

คุณติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือเปล่า

ต้องการตรวจสุขภาพ
ติดต่อ ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
 02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

Line