โดย ผศ.นพ. บวรรัฐ วนดุรงค์วรรณ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความชำนาญพิเศษ ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์
ทำความรู้จักกับ “เอ็นข้อไหล่อักเสบ”
อาการปวดไหล่ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใช้งานหัวไหล่มากเป็นประจำ สาเหตุของอาการปวดไหล่นั้นมีได้หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ “เอ็นข้อไหล่อักเสบ” หรือที่แพทย์เรียกว่า “Rotator cuff tendinitis” ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อชุดหมุน (Rotator cuff) เอ็นชุดนี้มีหน้าที่สำคัญในการยึดกระดูกต้นแขน และกระดูกสะบัก ให้ติดกันเป็นข้อต่อหัวไหล่ พร้อม ๆ กับช่วยในการเคลื่อนไหวของหัวไหล่ ดังนั้น เมื่อเอ็นกล้ามเนื้อชุดหมุนเกิดการอักเสบ จึงทำให้เกิดอาการปวด และเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้ลำบาก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเอ็นข้อไหล่อักเสบ
เอ็นข้อไหล่อักเสบมักเกิดจากการใช้งานหัวไหล่ซ้ำๆ หรือใช้งานหนักเกินไป ลองนึกภาพนักกีฬาเทนนิสที่ต้องสะบัดแขนเสิร์ฟลูก หรือช่างทาสีที่ต้องยกแขนขึ้นเหนือศีรษะเป็นเวลานาน ๆ การใช้งานแบบนี้ส่งผลให้เอ็นกล้ามเนื้อชุดหมุนเกิดการเสียดสี ระคายเคือง และนำไปสู่การอักเสบในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ควรระวัง เช่น
- อายุ: ยิ่งอายุมากขึ้น เอ็นกล้ามเนื้อก็ยิ่งเสื่อมสภาพ ทำให้มีโอกาสเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น
- ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อ: กล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ที่อ่อนแรง ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อชุดหมุนต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคเกาต์ อาจส่งผลต่อสุขภาพของเอ็นและข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น
- พฤติกรรมการสูบบุหรี่: สารพิษในบุหรี่ส่งผลเสียต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย
สัญญาณเตือน “เอ็นข้อไหล่อักเสบ”
อาการปวดไหล่ เป็นสัญญาณสำคัญของเอ็นข้อไหล่อักเสบ โดยลักษณะอาการปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาการที่พบได้บ่อย เช่น
- ปวดเมื่อยกแขน: ลองสังเกตตัวเองว่า มีอาการปวดไหล่เวลา ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ หวีผม สวมเสื้อ หรือหยิบของบนที่สูงหรือไม่
- ปวดร้าวลงต้นแขน: บางครั้งอาการปวดอาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณหัวไหล่ แต่อาจร้าวลงไปที่ต้นแขนได้ด้วย
- เสียงดังในข้อไหล่: เวลาขยับหัวไหล่ อาจได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ หรือเสียงคลิก ซึ่งเกิดจากการเสียดสีของเอ็นกล้ามเนื้อ
- ข้อไหล่อ่อนแรง: ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ ยกของหนักไม่ขึ้น หรือรู้สึกว่าหัวไหล่ไม่มีแรง
- เคลื่อนไหวข้อไหล่ลำบาก: กิจวัตรประจำวันที่เคยทำได้ง่าย เช่น หวีผม ติดกระดุม อาจกลายเป็นเรื่องยากลำบาก
การวินิจฉัยและการรักษา
หากสงสัยว่าตัวเองเป็นเอ็นข้อไหล่อักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพรังสี การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือการตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย และประเมินความรุนแรงของโรค
การรักษาเอ็นข้อไหล่อักเสบ มีตั้งแต่การรักษาแบบประคับประคอง เช่น การพักการใช้งาน การประคบเย็น การรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ การทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการรักษาแบบอื่น ๆ เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์ หรือการผ่าตัด โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ดูแลตัวเอง ป้องกันเอ็นข้อไหล่อักเสบ
การดูแลตัวเอง สามารถช่วยป้องกันเอ็นข้อไหล่อักเสบได้ เช่น
- อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย: ช่วยเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อ: ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเน้นการบริหารกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่น
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ: ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่เป็นประจำ เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อตึง และลดการเสียดสีของเอ็น
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: หลีกเลี่ยงการใช้งานหัวไหล่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ควรพักเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
- ยกของอย่างถูกวิธี: เวลา ยกของหนัก ควรย่อเข่า และใช้แรงจากขา ไม่ควรใช้แรงจากหัวไหล่เพียงอย่างเดียว
- ควบคุมน้ำหนัก: น้ำหนักตัวที่มากเกินไป เป็นภาระต่อข้อไหล่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
ข้อควรจำ
เอ็นข้อไหล่อักเสบ เป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี หากมีอาการปวดไหล่ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา การรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
เพราะเรื่องกระดูกและข้อ รอไม่ได้
ปล่อยไว้เรื้อรัง อาจรักษายาก
ติดต่อศูนย์กระดูกและข้อ
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา