ทำไมเราถึงปวดหลัง

อาการปวดหลังเกิดได้กับทุกคน อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้เราปวดหลัง

การปวดหลัง ส่วนใหญ่มักสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่เราทำในชีวิตประจำวัน เนื่องจากกระดูกสันหลังโดยปกติของคนเราจะตั้งตรง เวลาเรานั่ง ยืน หรือเดิน เราต้องใช้กระดูกสันหลังมาก เพราะฉะนั้นกระดูกสันหลังต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน อาจทำให้เกิดการเกร็ง หรือการใช้งานผิดท่า รวมถึงสัมพันธ์กับการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนหลัง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดหลังได้

ก่อนที่จะรู้สาเหตุว่า เพราะอะไรที่ทำให้เราปวดหลัง มารู้จักกล้ามเนื้อหลังกันก่อน

กล้ามเนื้อหลังจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  1. กล้ามเนื้อหลังส่วนบน ตั้งแต่ต้นคอลงมา รวมถึงแนวของสะบัก
  2. กล้ามเนื้อหลังส่วนกลาง ก็จะเชื่อมต่อกับช่วงของสะบัก มาถึงบริเวณใกล้ ๆ เอว อาจจะสูงกว่าเอวเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้จะอยู่บริเวณแนวหลังด้านข้าง หรือบางทีเราอาจจะเคยได้ยินว่า ปวดปีกด้านหลัง
  3. กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง จะอยู่บริเวณตั้งแต่เอว จนถึงประมาณเชิงกราน

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจทำให้ปวดหลังมีอะไรบ้าง

  1. นั่งนาน ๆ เช่นเวลานั่งทำงานนาน ๆ หรือที่เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เพราะเวลาที่คนเรานั่งทำงานนาน ๆ กระดูกสันหลังไม่ได้มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อที่เกาะกระดูกสันหลังก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดการอ่อนล้า หรือการเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง ทำให้มีอาการปวดตั้งแต่ต้นคอ สะบัก กลางหลัง ปวดหลังส่วนล่าง คือปวดบริเวณเอว จนถึงสะโพก. ซึ่งก็จะเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน

 คำแนะนำ : ควรออกกำลังกาย อาจจะวิ่งเหยาะๆ จ็อกกิ้ง ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดหลังจากออฟฟิศซินโดรมหายไป

  1. พฤติกรรมจากการยืน เช่น คนที่มีอาชีพที่ต้องยืนนาน ๆ อย่างพนักงานขายของ คนทำอาหาร ช่างตัดผม คนที่ทำงานโรงงาน พริตตี้ MC ต่าง ที่ต้องยืนเป็นเวลานาน ๆ บางคนอาจจะต้องยืนทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะใช้งานหลังส่วนล่างมาก กล้ามเนื้อจะเกิดการเกร็งจากการยืนนานตลอดเวลา ทำให้เวลาปวดหลัง จะมีความรู้สึกปวดหลังบริเวณเอว

คำแนะนำ : ถ้าต้องยืนนาน ๆ ควรเปลี่ยนท่าทางบ้าง อย่าอยู่ในท่าเดิม ๆ ตลอดเวลา ถ้าสามารถมีเวลาที่จะนั่งได้ ให้นั่งบ้างเพื่อผ่อนคลายอาการเกร็งของหลัง

  1. การก้มยกของหนัก ในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้แรงกล้ามเนื้อหลังมากจนเกินไป เช่น ยืนแล้วต้องยกของจากพื้น ทำให้เกิดการโค้งงอของหลัง อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนกลางและส่วนล่าง ยิ่งถ้าของที่ยกมีน้ำหนักมาก ต้องมีการเกร็ง หรือเอื้อมตัวเพื่อที่จะหยิบสิ่งของ ยิ่งทำให้กล้ามเนื้อต้องใช้แรงมากขึ้น ก็อาจทำให้ปวดหลังได้

คำแนะนำ : ถ้าจะต้องยกของจากพื้น อย่ายืนแล้วก้มตัวลงไปยกของขึ้นมา เพราะท่าลักษณะนั้นจะทำให้เกิดการปวดหลัง แต่ควรนั่งยอง ๆ ลงไปแล้วยกของสิ่งนั้นขึ้นมา

  1. น้ำหนักตัวที่มากเกินไป เนื่องจากกระดูกสันหลังส่วนเอวจะต้องแบกน้ำหนักส่วนบนที่มากเกินไปอยู่ทั้งวัน ก็ทำให้อาจเกิดอาการเมื่อย หรือปวดหลังได้

คำแนะนำ : ต้องพยายามควบคุมน้ำหนัก อาจให้น้ำหนักเกินจากมาตรฐานมากจนเกินไป หรือควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลังและท้อง เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนี้แข็งแรงขึ้น จะได้ช่วยลดอาการปวดหลังได้

  1. การใส่รองเท้าส้นสูง รองเท้าที่สูงมากจะยิ่งทำให้กระดูกสันหลังของเราแอ่นมาก เนื่องจากถ้ากระดูกสันหลังไม่แอ่น เราจะต้องโน้มตัวไปข้างหน้า ทำให้เวลาเดินเหมือนหน้าคว่ำ ซึ่งถ้าใช้ส้นสูงเป็นเวลานาน กระดูสันหลังก็จะแอ่นตลอดเวลา ทำให้มีอาการปวดหลังได้ง่าย

 คำแนะนำ : อย่าใส่ส้นสูงที่มีความสูงมากจนเกินไป ความสูงของส้นสูงที่เหมาะสม คือไม่เกิน 1 นิ้วครึ่ง

  1. นอนนาน ๆ และนอนเตียงที่ไม่เหมาะสม : จะทำให้ปวดหลังส่วนกลาง จนถึงช่วงล่าง เพราะจะมีการโค้งแอ่นของหลังเวลาที่เรานอน โดยเฉพาะที่นอนที่นิ่ม หรือนุ่มจนเกินไป

คำแนะนำ : ควรเลือกที่นอนที่ไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป และสามารถรองรับน้ำหนักตัวของผู้ที่นอนได้ นอกจากนี้หากนอนนาน ๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย จะช่วยลดอาการปวดหลังได้

  1. แบกของหนักๆ ถือกระเป๋าหนัก ๆ : พฤติกรรมนี้ก็จะทำให้เราปวดหลังส่วนบน อาจจะลามไปถึงการปวดต้นคอกับไหล่ได้ เพราะบางครั้งกระเป๋า หรือเป้หนัก เราก็จะพยายามดึงกระเป๋าหรือเป้มาข้างหน้า ทำให้เกิดการดึงรั้งช่วงต้นคอ หัวไหล่ได้

คำแนะนำ : อย่าแบกของหรือกระเป๋าที่หนักจนเกินไป หรือต้องเปลี่ยนท่าทางในการถือ อย่าถือท่าเดิมเป็นประจำ หรืออาจจะต้องมีเครื่องผ่อนแรง เช่นรถเข็น หรือใช้แบบกระเป๋าลากแทน

  1. การเอี้ยวตัวไปหยิบของจากด้านหลัง : ถ้าทำโดยไม่ระมัดระวัง หรือเอี้ยวแรงและเร็วเกินไป ก็อาจจะเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เราปวดหลังส่วนกลางได้ เพราะจะต้องมีการบิดตัว ในขณะที่ร่างกายยังไม่พร้อม

คำแนะนำ : ไม่ควรเอี้ยวตัวหยิบของ เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ อย่าเอี้ยวตัวแบบทันที หรือเร็วเกินไป

  1. ปวดหลังจากการเล่นกีฬา เช่น กีฬากอล์ฟ เพราะจะเป็นการใช้ในส่วนของหลังมาก เนื่องจากกระดูกสันหลังส่วนเอวปกติ จะใช้ในการก้ม เงย แต่การเล่นกอล์ฟ จะต้องการบิดของกระดูกสันหลัง เพื่อตีวงสวิง จะทำให้เกิดแรงกดที่ข้อต่อ ซึ่งจะทำให้ข้อต่อระหว่างร่องกระดูกเกิดการสึกหรอได้ง่าย

คำแนะนำ : สำหรับผู้ที่เล่นกอล์ฟ ควรมีการวอร์มทั้งก่อนและหลังการเล่นกีฬา เพื่อเป็นการยืดเส้นยืดสาย ให้กล้ามเนื้อคลายตัวมากขึ้น จะช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา และทำให้ช่วยลดอาการปวดหลังได้

ปวดหลังแบบไหน ควรรีบไปหาหมอ

หากมีอาการปวดหลัง พอพักแล้วหาย หรือพอได้ผ่อนคลายอาการจะดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นอาการที่ยังไม่น่ากังวล แต่ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุที่เกิดอาการปวดหลังแบบรุนแรงหรือเรื้อรังต่อไปในอนาคต แต่ถ้าปวดหลังแล้วมีอาการปวดไปที่แขนหรือขาร่วมด้วย หรือรู้สึก แขน ขาอ่อนแรง อาการลักษณะนี้อาจจะเกิดจากกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ต้องรีบเข้ามาพบแพทย์

ไม่อยากปวดหลัง ต้องทำอย่างไร

  1. ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายอย่างสม่ำเสมอ หรือบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง
  2. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้มากจนเกินไป
  3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจทำให้เราปวดหลัง
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก
  5. ดื่มน้ำมาก ๆ

เพราะเรื่องกระดูกและข้อ รอไม่ได้
ปล่อยไว้เรื้อรัง อาจรักษายาก
ติดต่อศูนย์กระดูกและข้อ
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

Line